วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
เคล็ดลับเล็กๆ 20 ข้อ สำหรับลดน้ำหนักให้ได้เร็ว
เคล็ดลับเล็กๆ 20 ข้อ สำหรับลดน้ำหนักให้ได้เร็ว (ทดสอบด้วยตัวเองมาแล้ว)
อันนี้ขอบอกก่อนว่าไม่ได้เขียนเอง ไปค้นหาข้อมูลจากเนทมาและอ่านรวบยอด เอามาฝากกัน เพระาเราเองก็ลองทำตาม แถมศึกษาถึงเบื้องหลังที่มาที่ไป ให้มันลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นนอกเหนือจากหลักการเก่าๆ (ที่พูดง่ายแต่ทำยาก) คือ
กินน้อยๆ ออกกำลังกายมากๆ
เคล็ดลับนี้ เป็นอะไรที่ถูกหลักการทางแพทย์และไม่มีผลข้างเคียง อู้จะเที่ยงคืนแล้ว มาว่ากันเลย
1. ให้ลดปริมาณแคลลอรี่ที่กินเข้าไปในแต่ละวัน ( อ่านให้ดีๆๆ อันนี้ไม่ได้บอกว่าให้ลดอาหารนะจีะ ควมหมายคือลดปริมาณแคลลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน ซึ่งไม่ว่าคุณจะกินอะไรก็แล้วแต่ คนส่วนใหญ่ต้องการที่ 2000 แคลลอรี่ต่อวัน ส่วนคนที่ต้องการลดน้ำหนักต้องลดเหลือแค่ 1300-1600 จ้า)
2. ให้ระวังขนาดของอาหารที่กินเข้าไปว่ามีกี่สัดส่วน (ถ้าไม่เข้าใจให้ไปดูย้อนหลังเกี่ยวกับการวัดสัดส่วนของอาหารที่กินในบทก่อน หน้านี้)อย่างโปรตีนเราต้องการแค่ 4-6 ส่วนต่อวัน ถ้ให้นึกภาพง่ายๆ ก็กินเนื้อย่างขนาด กองไพ่ ได้ 4 ชิ้นต่อวัน หรือคาร์โบไฮเดรต 6-9 คือ กินข้าวขาว ขนาดครึ่งถ้วยได้ 3 ถ้วยตรง เป็นต้น
3. ระวังว่าดื่มอะไรลงไปด้วย คนลดน้ไหนักให้ดื่มแต่น้ำเปล่า8-12 แก้ว ดีที่สุด ระวังพวกโซดา กาแฟเย็น นั้นตัวดี น้ำตาลเพียบ
4. ให้รักาาสมดุลโภชนาการในแต่ละวัน กินให้ครบทุกหมู่และที่สำคัญกินผักผลไม้ให้ได้ 5 สัดส่วนอย่างน้อยต่อวัน
5. ให้กระตือรือล้นต่อการลดน้ำหนักของตัวเอง ให้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญพอๆกับการไปหาหมอ ทำงาน อย่าคือดว่า เอาไว้นั่นก่อน หรือเอาไว้ทีหลัง
6. ให้ระวังพวกที่แอบอ้าง สูตรอาหารลดน้ำหนัก เหล่านี้ไม่มีความจริง ที่ทำได้ ก็มีผลข้างเคียงที่ผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
7. ตระหนักเกี่ยวกับ โยโย่เอฟเฟ็ค อย่าลดน้ำหนักแบบน้ำขึ้นน้ำลง ร่างกายจะเสียสมดุล เพราะ การลดน้ำหนักที่ได้ผลในระยะยาว = การเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน+การออกำลังการอย่างสมำ่เสมอ+มีเป้าหมายที่สมจริง และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนและคนรอบข้าง
8. ให้ดื่มชาเขียว ไม่ใส่น้ำตาล เยอะๆๆๆๆๆๆ อุียขอบอกอันนี้ ได้ผล ของจริง เพระาชาเขียวนอกจากมีแอนตี้ออกวิเดนแล้ว ยังมีคาเฟอีนที่ไปกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ที่เมืองนอกเค้าสกัดเป็นเม็ดขายกันรึ่มๆๆ พอๆกับ อไซเบอร์รี่
9. กินอาหารให้เป็นปกติ อย่าอด อย่าข้าม อย่างด อาหาร กินให้ครบ 3 มื้อ และ อาหารว่าง 2-3 มื้อ
10. คาเฟอีนไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก เพียงแต่กระตุ้นให้รุ้สึกคุณกระปรี้กระเปร่าเท่านั้น
11. อย่าลืมทานอาหารเช้า มื้อนี้สำคัญที่สุด ไม่ใช่มื้อเย็น บางทีเราอยากกินเค้กมากๆๆๆๆๆๆ เราเอามากินเป็นอาหารเช้าเลย สามีงง เราก็บอกว่าตอนเช้าร่างกายเผาผลาญดีที่สุด รับรองเค้กชิ้นนี้ไม่มีเหลือเก็บที่พุงแน่นอน
12. อย่าลืมกิน "ถั่ว"
13. ให้ระวังอาหารประเภท Light Low Fat พวกนี้ไม่มีหรือมีไขมันต่ำเจงๆๆๆ แต่เชือ่เหอะเพื่อนเอ๋ย น้ำตาลเพียบ แม่สามีกับคนในครอบครัวเลยลดไม่ได้กันสักทีเพราะเขื่อแต่ว่าคนอ้วนเพระ าไขมันอย่างเดียว ไม่ดูเรื่องคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาล ภัยของคนเบาหวานกับน้ำหนักเหมือนกันนะ
14. ให้ระวังพวกเครือ่งดื่มให้พลังงาน หรือเครือ่งดื่มที่มีรสชาดต่างๆ เหล่านี้แฝงด้วยน้ำตาล เราก็บอกแล้วไงว่าให้ดื่มแต่น้ำ
15. ให้ดื่มนมพร่องไขมัน หรือไม่มีไขมัน (แต่รสชาดมันห่วยนะ อดทน ๆๆๆ หรือเปลี่ยนมาดื่มน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลแทน แต่ก็เหม็นเขียวอีกนั่นแหล่ะ)
16. อย่าชั่งน้ำหนักทุกวัน ในผลทางจิตวิทยามันไม่ดีๆๆๆ ไม่มีกำลังใจ ไม่มีหรอกที่มันจะลดได้ข้ามคืน ให้ชั่งอาทิตยืละครั้ง เพระาอย่างน้อย จากวันที่ 1 ถึงวนที่ 7 พยายามลดแคลลอรี่ กับ ออกกำลัง 50 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มันก็ต้องลงบ้างหล่ะ สัก 1 ขีดก็มีกำลังใจแล้ว
17. อย่าตั้งเป้าหมายที่ไม่เป็นจริง (ขอใช้ว่าไม่เป็นจริง แทนไม่สมจริง ) เพระาบางคนน้ำหนักตัว แต่ไหนแต่ไรอย่างก่อนมีลูก ก็ 60 โล พอมีลูกเหยียบที่ 80 โล แล้วพอมาลดนไ้หนักขอเหลือ 50 อย่างนี้คงยากเอามากๆๆๆ
18. คุณต้องออกกกำลังกายอย่างสำมำ่เสมอ คนแถวๆๆนี้เข้าใจอย่างสำม่ำเสมอเพี้ยนประจำ เลยแนะให้ว่า สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อย่างน้อย 50นาที ต่อครั้ง 3 วันต่อสัปดาห์ อย่างน้อยนะ
19. ดื่มน้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งวัน ทั้งคืน เอาน้ำลูบท้อง แม้จะหิว พกติดตัว แทนยาหม่อง ใส่กระเป๋าถือ ข้างแป้งทาหน้ากับลิป
20. การลดนำ้หนักให้ได้ผลเร็ว ไม่ได้มาด้วย การ อด อา หาร นะ จะ บอก ให้
อาหารหลัก 5 หมู่
อาหารหลัก 5 หมู่ มีดังนี้
หมู่ที่ 1 นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้ง และงา ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง เผือกมัน น้ำตาล ให้พลังงานแก่ร่างกาย
หมู่ที่ 3 พืชผัก ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้ปกติ
หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ ให้ประโยชน์เช่นเดียวกับหมู่ที่ 3
หมู่ที่ 5 น้ำมันและไขมันจากพืชและสัตว์ ซึ่งจะให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ดัง นั้น ในวันหนึ่งๆ เราจะต้องเลือกกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่พอเหมาะ และในแต่ละหมู่ ควรเลือกกินให้หลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆ ครบตามความต้องการของร่างกาย อันจะนำไปสู่การกินดี มีผลให้เกิด “ภาวะโภชนาการดี”
ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง รวมทั้งได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ จึงได้จัดทำ Blog นี้ขึ้นให้ทุกคนเห็นคุณค่าของการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่หมั่นดูแลน้ำหนักตัว
“น้ำหนักตัว” ใช้เป็นเครื่องบ่งชี้สำคัญที่บอกถึงภาวะสุขภาพของคนเราว่าดีหรือไม่ เพราะแต่ละคน จะต้องมีน้ำหนักตัว ที่เหมาะสมตามวัยและได้สัดส่วนกับความสูงของตัวเอง ดังนั้นการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยการกินอาหารให้เหมาะสมควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ หรือผอมไป
จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย ประสิทธิภาพการเรียนและการทำงานด้อยลงกว่าปกติ ในทางตรงข้ามหากมีน้ำหนักมากกว่าปกติหรืออ้วนไป จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งบางชนิด ซึ่งเป็นสาเหตุการตายในลำดับหนึ่งของคนไทย
การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ
และออกกำลังกาย อย่างเหมาะสม จะช่วยให้สุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว และเป็นสุข
ทุก คนควรหมั่นดูแลน้ำหนักตนเอง ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง หากน้ำหนักตัวน้อยควรกินอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวมากก็ควรลดการกินอาหารลงโดยเฉพาะอาหารประเภทไขมัน น้ำตาล และนอกจากนั้นควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
หมู่ที่ 1 นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้ง และงา ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง เผือกมัน น้ำตาล ให้พลังงานแก่ร่างกาย
หมู่ที่ 3 พืชผัก ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้ปกติ
หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ ให้ประโยชน์เช่นเดียวกับหมู่ที่ 3
หมู่ที่ 5 น้ำมันและไขมันจากพืชและสัตว์ ซึ่งจะให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ดัง นั้น ในวันหนึ่งๆ เราจะต้องเลือกกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่พอเหมาะ และในแต่ละหมู่ ควรเลือกกินให้หลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆ ครบตามความต้องการของร่างกาย อันจะนำไปสู่การกินดี มีผลให้เกิด “ภาวะโภชนาการดี”
ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง รวมทั้งได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ จึงได้จัดทำ Blog นี้ขึ้นให้ทุกคนเห็นคุณค่าของการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่หมั่นดูแลน้ำหนักตัว
“น้ำหนักตัว” ใช้เป็นเครื่องบ่งชี้สำคัญที่บอกถึงภาวะสุขภาพของคนเราว่าดีหรือไม่ เพราะแต่ละคน จะต้องมีน้ำหนักตัว ที่เหมาะสมตามวัยและได้สัดส่วนกับความสูงของตัวเอง ดังนั้นการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยการกินอาหารให้เหมาะสมควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ หรือผอมไป
จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย ประสิทธิภาพการเรียนและการทำงานด้อยลงกว่าปกติ ในทางตรงข้ามหากมีน้ำหนักมากกว่าปกติหรืออ้วนไป จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งบางชนิด ซึ่งเป็นสาเหตุการตายในลำดับหนึ่งของคนไทย
การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ
และออกกำลังกาย อย่างเหมาะสม จะช่วยให้สุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว และเป็นสุข
ทุก คนควรหมั่นดูแลน้ำหนักตนเอง ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง หากน้ำหนักตัวน้อยควรกินอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวมากก็ควรลดการกินอาหารลงโดยเฉพาะอาหารประเภทไขมัน น้ำตาล และนอกจากนั้นควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
8 เคล็ดลับการบำรุงผิวในแต่ละวัน
8 เคล็ดลับการบำรุงผิวในแต่ละวัน
หลังจากที่เรา ได้เรียนรู้เกียวกับสูตรการทำสปาแบบพื้นฐานที่สามารถทำได้เองที่บ้านไปแล้ว ในเดือนนี้เราก็มีเคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวในแต่ละวันมาฝากกันเพื่อทำให้คุณ มีผิวที่สวยงาม สดใสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าสมกับเป็นสาวยุคใหม่ เราลองมาสำรวจกันว่า คุณดูแลตัวเองในแต่ละวันได้ตามเคล็ดลับที่ได้ไว้ให้หรือไม่
1.เช็ดล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า
สำหรับสาวๆ
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดเรื่องการทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าด้วยการ
ล้างออกด้วยน้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ถือว่าเป็นความข้าใจผิดอย่างมากเพราะว่าสารประกอบที่ใช้ในการทำเครื่องสำอาง
ประเภทครีมกันแดดจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าประเภท Cleansing หรือ Remover เช็ดเครื่องสำอางออกก่อนการล้างหน้าทุกครั้งซึ่ง Cleansing หรือ Remover จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสารที่ตกค้างและอุดตันสะสมในผิวออกได้อย่างหมดจด หลังจากนั้นก็ล้างหน้าออกด้วยน้ำสะอาดและ Cleansing แค่นี้คุณก็จะมีผิวหน้าที่สะอาดสดใส
2.ทำความสะอาดผิวด้วยโทนเนอร์
หลังจากที่เราได้ล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณก็ควรที่จะใช้ลำลีชุบโทน
เนอร์เช็ดผิวให้ทั่วทั้งใบหน้า วิธีการเช็ดหน้าที่ถูกต้องคือ
การเช็ดขึ้นจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบนเพื่อเป็นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าสู่
รูขุมขนและช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
3.ทาครีมบำรุงผิวหน้ากลางวันหรือกลางคืน
หลังจากที่เช็ดหน้าผิวหน้าด้วยโทนเนอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
คุณควรนวดหน้าด้วยนิ้วมือของคุณซึ่งการนวดหน้าจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมของ
เนื้อครีมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีมากขึ้น
4.การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป
ในตอน
เช้าหลังจากที่เราทาครีมบำรุงผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
คุณทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวหน้าจากอันตรายของแสงยูวีโดยผลการวิจัยทางการ
แพทย์ได้ค้นพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 18
ปีจะต้องเผชิญกับแสงยูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวมากและความรุนแรงของแสงจะเพิ่ม
ขึ้นอีกร้อยละ 50-70 ของแสงทั้งหมด
การหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดความ
เสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง
ผิวหนังไหม้และการเกิดจุดด่างดำจากเม็ดสีผิวได้
5.ดื่มน้ำสะอาดประมาณ 2 ลิตรต่อวัน
น้ำเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญอย่ายิ่งต่อร่างกายของคนเราซึ่งร่างกายของ
คนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 60-70
ของเหลวในร่างกายทั้งหมดซึ่งคนเราจะมีการสูญเสียน้ำออกมาจากร่างกายผ่าน
ปัสสาวะและเหงื่อออกจากร่างกายอย่างมากที่สุดประมาณ 2 ลิตร
ดังนั้นการดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2
ลิตรจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นและความสวยงามให้แก่ผิวหนังได้ดี
6.การทานอาหารและทาครีมที่มีช่วยติอต้านการเกิด Anti-oxidant
สารต่อต้าน
อนุมูลอิสระจะช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระของเซลล์ในร่างกายที่ทำให้เกิดปัญหา
ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยบนผิว
เพื่อป้องกันการเกิดสารอนุมูลอิสระคุณจำเป็นต้องรับประทานผลไม้สดที่มีสาร
ต่อต้านอนุมูลอิสระเช่น เบอร์รี่ ทับทิม ชา ส้มโอ อะโวคาโด และแครรอท
เป็นต้น
และการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านอนุมูลอิสระในผิวก็เป็นอีก
หนึ่งวิธีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
7.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนพัก
ผ่อนให้เพียงพอในตอนกลางคืนและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวจะช่วย
สร้างกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่ได้ผลดีที่สุด
โดยที่คุณภาพของการนอนจะช่วยสร้างการผ่อนคลายและเสริมสร้างสารอาหารให้แก่
เซลล์ผิวได้ดี
นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการเผาผลาญ
พลังงานในร่างกายอย่างสมดุล
ถ้าหากว่าเรามีการนอนหลับที่ไม่เพียงพอจะส่งผลต่อทำให้ผิวเกิดการอ่อนล้า
ความสามารถในการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่จะลดลงทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ
และหยาบกร้าน เป็นสิวอักเสบได้ง่าย
นอกจากนี้มันยังส่งผลทำให้เกิดผิวแพ้ง่ายได้อีกด้วย
8.ออกกำลังวันละ 30 นาที
การออกกำลังกายให้เหงื่อออกเป็นการขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีทางหนึ่งและ
ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น ผิวพรรณสวยงาม
ช่วยผ่อนคลายความเครียดทำให้นอนหลับสบาย , ช่วย
ให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นและช่วยควบคุมน้ำหนักตัว เป็นต้น
ถ้าหากว่าคุณได้ทำตามเคล็ดลับที่เรานำฝากกันได้ทุกวัน
เราเชื่อว่าคุณจะมีผิวที่สวยสมวัย
และมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงตลอดไป
การดูแลผิวพรรณสดใส
9 วิธีการดูแล ผิวพรรณสดใส
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
สังเกตไหมว่าหากช่วงไหนที่คุณนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ช่วงนั้นผิวของคุณจะดูเปล่งปลั่งสดใสเป็นพิเศษ แถมรอยคล้ำใต้ตายังดูจางลงอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะช่วงเวลานอนเป็นช่วงที่ร่างกายทำงานน้อยที่สุด และเป็นเวลาที่ร่างการผลิตเซลล์ผิวใหม่นั่นเอง จึงเป็นการพักผ่อนฟื้นฟูสภาพผิวของคุณไปในตัว ดังนั้นคุณจึงควรนอนหลับให้สนิทโดยปราศจากสิ่งรบกวนใด ๆ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงนะคะ ถ้าอยากผิวสวยหน้าเด็ก สาวๆคงต้องเล่นเกม Hay Day / Diamond Dash ในช่วงกลางคืนให้น้อยลงกันนะคะ
2. น้ำเย็นช่วยคุณได้
นอกจากการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ๆ ในตอนเช้าจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นพร้อมรับ
วันใหม่มากขึ้นแล้ว การล้างหน้าด้วยน้ำเย็นยังช่วยลดความบวมของหน้าในช่วงเพิ่ง
ตื่นนอนได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเย็น ๆ ทุกเช้าก่อนออกจากบ้านทุกวันนะคะ สังเกตุง่ายๆสาวๆเกาหลี ญี่ปุ่น มักจะผิวขาวใส ส่วนนึงก็มาจากการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในทุกเช้านั้นเอง
3. หมั่นดูแลผิวเป็นประจำ
หากผิวพรรณของคุณดูเปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ คุณก็จะสวยเด่น และเด็กกว่าอายุจริงได้อีกหลายปี โดยไม่ต้องพึ่งการแต่งหน้าอะไรเลย ทั้งนี้ เพื่อให้ผิวของคุณดูสวยใสอยู่ตลอดเวลา คุณควรดูแลตัวเองด้วยการขัดผิวเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และในส่วนของการดูแลบริเวณผิวหน้าแต่ละครั้งนั้น คุณควรทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนเซอร์ ก่อนจะนวดเบา ๆ ด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวดูสดชื่นอยู่เสมอ
ที่สำคัญ ครีมทาผิวหน้าและผิวกาย ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ส่วนสครับผิวกายควรเลือกที่เม็ดสครับละเอียดจะได้ไม่บาดผิว ไม่จำเป็นต้องเป็นสครับราคาแพง หรือครีมราคาแพง เพราะเคล็ดลับหลักมันอยู่ที่ “ความสม่ำเสมอ” ในการดูแลตัวเอง
4. ดื่มน้ำให้มาก ๆ
การดื่มน้ำนั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง เพราะนอกจากจะช่วยให้สาวๆมีผิวที่ดูสดใสขึ้นแล้ว ยังดีต่อสุขภาพเพราะเป็นการช่วยล้างพิษในร่างกายอีกด้วย สาว ๆ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 9 แก้ว ในขณะที่หนุ่ม ๆ ควรดื่มวันละ 13 แก้ว ทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง แนะนำว่าอย่าลืมตั้งกระติกน้ำไว้บนโต๊ะทำงานให้เป็นนิสัยนะคะ มันจะช่วยให้คุณขยันดื่มน้ำมากขึ้น
5. ปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดทุกครั้งไม่ว่าจะไปที่ไหน เพราะแสงแดดแรง ๆ นั้นส่งผลเสียกับผิวของคุณมากกว่าที่คิด เนื่องจากแดดแรง ๆ ที่สาดเข้ากระทบกับผิว จะทำให้ผิวคล้ำเสียไม่สม่ำเสมอ แถมยังทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัยอีกด้วย เพราะฉะนั้น
ควรทาครีมกันแดดเวลาออกจากบ้าน ยิ่งไปกว่านั้น หากวันไหนที่แดดแรงจัด ก็ควรสวมหมวกหรือถือร่ม และสวมแว่นกันแดดป้องกันอีกชั้นด้วย
6. แต่งคิ้วให้สวยเด่น
คิ้วของคุณมีผลกับรูปหน้ามาก ฉะนั้นถ้าอยากให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น ก็ควรจัดแต่งทรงคิ้วให้เข้ากับรูปหน้าของคุณ อย่างไรก็ตาม นอกจากรูปทรงของคิ้วแล้ว สีของคิ้วนั้นก็สำคัญเช่นกัน ดังนั้นควรย้อม หรือปัดสีคิ้วด้วยดินสอเขียนคิ้วให้เข้ากับสีผมของคุณ แล้วสาวๆจะพบว่าไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าเข้ม เพียงแค่คุณมีคิ้วที่โดดเด่น ใบหน้าคุณจะดูโดดเด่นขึ้นมาทันที
7. อย่าปล่อยให้ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
ผมที่ชี้ฟูพันกันจะทำให้คุณดูแก่และโทรมลง เพราะฉะนั้น ควรดูแลผมของตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ ด้วยการสระผมเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้ผมของคุณดูนุ่มสลวยตลอดเวลา นอกจากนี้ ก็ควรจัดแต่งทรงผมของคุณให้ดูดี ด้วยการไดร์ผมให้เป็นทรง ดัดผม ยืดผม หรือมัดผมทำเป็นทรงสวย ๆ ต่าง ๆ ตามแต่โอกาสที่เหมาะสม
8. อารมณ์ดี มองโลกแง่บวก มีอารมณ์ขัน
สังเกตสาวๆหนุ่มๆที่อารมณ์ดี มองโลกในแง่บวก และมีอารมณ์ขันมักจะดูเด็กและสดใสอยู่เสมอ นอกจากช่วยให้สุขภาพจิตดี ส่งผลให้ผิวพรรณดีแล้ว ยังเป็นเสน่ห์ต่อผู้พบเห็น เพราะใครๆก็อยากอยู่ใกล้พูดคุย คบหากับคนที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เราได้เสมอ
9. เลือกรับประทาน
ควรบริโภคมื้อเช้าทุกวัน เลือกอาหารไขมันต่ำ พยายามเลี่ยงอาหารมันๆ กะทิ หรือของทอด และควรทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างสม่ำเสมอ ลดการดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีนให้น้อยลง งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
ในปัจจุบันวิทยาทางการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น สามารถป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย ดังนั้นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเสียชีวิต จะมาจากโรคที่ไม่ติดเชื้อ และจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งโรคต่าง ๆ เหล่านี้เราสามารถป้องกันได้หรือทำให้ทุเลาลงได้ โดยการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และมีพฤติกรรมในการดำรงชีวิตที่เหมาะสมการป้องกันเสริมสร้างสุขภาพ เป็นวิธีการที่ได้ผล และประหยัดที่สุด สำหรับการมีสุขภาพที่ดี ดังนั้นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจึงมีประโยชน์ ดังนี้
1. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน สมรรถภาพการทำงานของหัวใจจะดีขึ้นมาก ถ้าออกกำลังกายอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอติดต่อกัน 3 เดือน ชีพจรหรือหัวใจจะเต้นช้าลง ซึ่งจะเป็นการประหยัดการทำงานของหัวใจ
2. ลดไขมันในเลือด เพราะไขมันในเลือดสูงเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
3. เพิ่ม High Density Lipoprotein Cholesterol (HDL-C) ในเลือด ซึ่งถ้ายิ่งสูงจะยิ่งดีจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
4. ลดความอ้วน (ไขมัน) เพิ่มกล้ามเนื้อ (น้ำหนักอาจไม่ลด)
5. ป้องกัน และรักษาโรคเบาหวาน
6. ช่วยลดความดันโลหิต (สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง) ลดได้ประมาณ 10-15 ม.ม. ปรอท
7. ช่วยทำให้หัวใจ ปอด ระบบหมุนเวียนของโลหิต กล้ามเนื้อ เอ็น เอ็นข้อต่อ กระดูกและผิวหนังแข็งแรงยิ่งขึ้น ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น ความจำดี เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ชะลออายุ ช่วยป้องกันอาการปวดหลัง (เพราะกล้ามเนื้อหลังแข็งแรงขึ้น)
8. ป้องกันโรคกระดุกเปราะ โดยเฉพาะสุภาพสตรีวัยหมดประจำเดือน
9. ร่างกายเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงานได้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นการประหยัดการใช้แป้ง (glycogen) ซึ่งมีอยู่น้อย และเป็นการป้องกันโรคหัวใจ
10. ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด เชื่อ ลำไส้ใหญ่ เต้านม ต่อมลูกหมาก
11. ทำให้มีสุขภาพดี ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมให้ร่างกายคงไว้ซึ่งสุขภาพและความแข็งแรงของ ร่างกาย การออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และระบบไหลเวียนโลหิต รวมทั้งสร้างเสริมทักษะทางกีฬา การออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ, โรคระบบไหลเวียนโลหิต, เบาหวาน, และโรคอ้วน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตและลดความเครียดได้การออกกำลังกาย ไม่ได้หมายถึงการต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง หลายคนก่อนจะออกกำลังกายมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายอาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป
หลายท่านไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเมื่อ เริ่มออกกำลังกายอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย วิธีที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นออกกำลังกาย คือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวัน เช่น
- ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล
- หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงานสำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล
- ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
- ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน
- ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน
- ขึ้นบันไดหลายขั้น
- ขุดดินทำสวนนานขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)